ที่ SET 50/48
4 ธันวาคม 2550
เรื่อง การเปิดเผยสารสนเทศรายการที่เกี่ยวโยงกัน
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) ขอแก้ไขรายละเอียดในข้อ 9 ความเห็นของ คณะกรรมการตรวจสอบและ/หรือกรรมการบริษัทที่แตกต่างจากความเห็นของคณะกรรมการบริษัท ตามข้อ 8 โดยขอเปลี่ยนวันประชุมคณะกรรมการตรวจสอบจากวันที่ 18 ธันวาคม 2550 เป็นวันที่ 20 ธันวาคม 2550
ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ครั้งที่ 7/2550 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550 เวลา 17.00 น. มีมติอนุมัติการเข้าซื้อที่ดินและ อาคาร บีเอช ทาวเวอร์ จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ("ธนาคาร") ในราคา 470 ล้านบาท ("ธุรกรรม")
ตามประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล และ การปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 ("ประกาศ") ธุรกรรมนี้ เข้า ข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องจัดเตรียมและเปิดเผยสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. วัน เดือน ปี ที่เกิดรายการ
ภายในหนึ่งเดือนนับจากที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติการเข้าทำธุรกรรม โดยที่การประชุมผู้ถือหุ้น จะมีขึ้นใน วันที่ 22 มกราคม 25512. ลักษณะโดยทั่วไปของรายการ
ธุรกรรม
บริษัทจะซื้อที่ดินและอาคาร (เรียกรวมกันว่า "บีเอช ทาวเวอร์") จากธนาคารในราคา 470 ล้าน บาทคู่สัญญา
ผู้จะซื้อ บริษัท
ผู้จะขาย ธนาคารรายละเอียดของสินทรัพย์
1. ที่ดินโฉนดเลขที่ 4030, 4031 และ 141138 พื้นที่รวมประมาณ 2 ไร่ 1 งาน 70.6 ตาราง วา
2. อาคาร 2 หลัง
2.1 อาคาร "บีเอช เรซิเดนซ์ " เป็น อาคาร 18 ชั้น มีพื้นที่ ทั้งสิ้ น ประมาณ 31,710 ตารางเมตร ประกอบด้วยพื้นที่ให้เช่าเป็นห้องพักสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว พื้นที่ สำนักงาน ร้านค้าและร้านอาหาร และที่จอดรถ 7 ชั้น
1
2.2 อาคาร "บีเอช ทาวเวอร์ เล็ก" เป็นอาคาร 8 ชั้น มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 2,618 ตารางเมตร ประกอบด้วยแผนกผิวหนังของโรงพยาบาล และพื้นที่ให้เช่าเป็นคลินิก ไวทัลไลฟ์ และพื้นที่สำนักงาน
รายละเอียดของธุรกรรม
เป็นการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งในอดีต บริษัทเคยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในบีเอช ทาวเวอร์ โดยได้เปิดเป็นอาคารแม่และเด็กของโรงพยาบาลในปี 2537 จนกระทั่งปี 2540 บริษัทได้เปิด อาคารใหม่ ซึ่งมีเตียงให้บริการ 554 เตียง และเป็นอาคารโรงพยาบาลในปัจจุบัน บริษัทจึงได้ ปรับเปลี่ยน บีเอช ทาวเวอร์ เป็นห้องพักให้เช่าสำหรับผู้ป่วยชาวต่างชาติและครอบครัว ต่อมาในปี 2543 บริษัทได้โอนบีเอช ทาวเวอร์ ให้กับธนาคาร เพื่อเป็นการใช้หนี้บางส่วน ตามสัญญาการ ปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีข้อสัญญาว่าหากธนาคารจะขายทรัพย์สินดังกล่าวบริษัทจะมีสิทธิซื้อคืน ก่อนบุคคลอื่นตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน บริษัทได้เช่าบีเอช ทาวเวอร์จากธนาคาร เพื่อใช้ในการดำเนิน กิจการโรงพยาบาลของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึง การใช้พื้นที่เพื่อให้บริการห้องพัก ให้เช่า พื้นที่เป็นคลินิก และสำนักงาน และใช้เป็นที่จอดรถ
บริษัทมีแผนการที่จะขยายพื้นที่การให้บริการของโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร โดยหลังจาก ธุรกรรมเสร็จสิ้น บริษํทมีโครงการที่จะปรับปรุงบีเอช ทาวเวอร์ให้เป็นห้องพักผู้ป่วยในอีกจำนวน 109 เตียง ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้โรงพยาบาลมีความสมดุลในการให้บริการผู้ป่วยในและ ผู้ป่วยนอก เนื่องจากบริษัทได้เริ่มดำเนินการขยายพื้นที่การให้บริการผู้ป่วยนอก จาก 3,500 คน ต่อวัน เป็น 6,000 คนต่อวันในอีกห้าปีข้างหน้าเช่นกัน
3. มูลค่าของธุรกรรมและเกณฑ์ที่ใช้กำหนดมูลค่าของธุรกรรม
มูลค่าของธุรกรรม จะเป็นจำนวนเงิน 470 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ตกลงกันระหว่างธนาคารกับ บริษัท โดยคำนึงถึงราคาประเมินโดยประมาณ โดยบริษัทจะจ่ายชำระให้แก่ธนาคารเป็นเงินสดทั้งจำนวน4. บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
ธนาคารเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท และทําให้ธุรกรรมเข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจากบุคคลดังต่อไปนี้1. นายชาตรี โสภณพนิชเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของธนาคาร และเป็นกรรมการของบริษัท
2. นางกุลธิดา ศิวยาธร เป็นผู้บริหารของธนาคาร และเป็นกรรมการของบริษัท
2
ด้วยขนาดธุรกรรมที่มากกว่า 20 ล้านบาทและ มากกว่าร้อยละ 3 ของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ ของบริษัท* บริษัทจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทโดยได้รับคะแนนเสียงไม่ น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
* หมายเหตุ: ร้อยละ 3 ของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทเท่ากับ 90.78 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2550
5. คุณลักษณะและขอบเขตของผลประโยชน์ของบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
ธุรกรรมจะมีผลให้บริษัทกลับมาเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในบีเอช ทาวเวอร์ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถ ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวเพื่อกิจการโรงพยาบาลได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ ธนาคาร จะ สามารถขายทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจหลักของธนาคารได้6. แหล่งเงินทุน
บริษัทมีวงเงินกู้ยืมระยะยาว จำนวน 400 ล้านบาท สำหรับธุรกรรมนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของวงเงินกู้ที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบัน ส่วนที่เหลือ จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงาน ของบริษัท7. ข้อความที่ยืนยันว่าคณะกรรมการที่มีผลประโยชน์หรือเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันจะไม่เข้า ร่วมและออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท
กรรมการดังรายชื่อต่อไปนี้ ไม่ได้เข้าร่วมและออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ในวาระที่เกี่ยวกับธุรกรรม1. นายชาตรี โสภณพนิช
2. นางกุลธิดา ศิวยาธร8. ความเห็นของคณะกรรมการบริษัท
ที่ประชุมคณะกรรมการเห็นว่า ธุรกรรมดังกล่าวมีความสมเหตุสมผล และทำให้เกิดผลประโยชน์ สูงสุดต่อบริษัท โดยเหตุผลดังต่อไปนี้1. บริษัทอยู่ระหว่างการขยายพื้นที่การให้บริการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กรุงเทพมหานคร และการปรับเปลี่ยนบีเอช ทาวเวอร์ เป็นเตียงผู้ป่วยใน เป็นส่วนสำคัญในแผนงาน เพื่อที่จะ สามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อการใช้งานใน ระยะยาว หากบริษัทไม่มีกรรมสิทธิหรือสิทธิการเช่าระยะยาวในทรัพย์สิน บริษัทจะมีความ เสี่ยงมากในการลงทุนปรับเปลี่ยนอาคารดังกล่าว แต่เนื่องจากตามกฎหมายว่าด้วยการ ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ ธนาคารไม่สามารถให้เช่าทรัพย์สินในระยะยาวได้ การซื้อ ทรัพย์สินจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด และจากการศึกษาความเป็นไปได้ พบว่าบริษัทจะ ได้รับผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลจากการลงทุนนี้
2. ธนาคารจะต้องขายทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจหลักของธนาคาร ดังนั้น หาก บริษัทไม่ตกลงที่จะซื้อคืนบีเอช ทาวเวอร์ ธนาคารจะต้องดำเนินการขายให้แก่ผู้อื่นต่อไป ซึ่ง จะทำให้บริษัทไม่สามารถใช้บีเอช ทาวเวอร์ เป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลได้อีกต่อไป
3
3. ราคาที่ซื้อขายจะเป็นราคาที่ไม่เกินราคาประเมินของผู้ประเมินราคาอิสระ จึงเป็นราคาที่เป็น ธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
9. ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบและ/หรือกรรมการบริษัทที่แตกต่างจากความเห็น ของคณะกรรมการบริษัท ตามข้อ 8
กรรมการตรวจสอบไม่มีความเห็นแตกต่างจากความเห็นของคณะกรรมการบริษัท รวมทั้งกรรมการ บริษัทท่านอื่นๆก็ไม่มีความเห็นขัดแย้งแต่ประการใด และการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบจะถูก จัดขึ้นเพื่อพิจารณาธุรกรรมดังกล่าว ในวันที่ 20 ธันวาคม 2550
10. การจัดส่งหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น
บริษัทจะจัดส่งร่างหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้นให้แก่ตลาดหลักทรัพย์อย่างน้อย 5 วันทำการก่อนส่ง ให้ผู้ถือหุ้น และจะส่งหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้นและเอกสารแนบให้แก่ผู้ถือหุ้นล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้นในฐานะตัวแทนของบริษัท คณะกรรมการของบริษัทได้ตรวจสอบความถูกต้องและความ ครบถ้วนของข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอแสดงความนับถือ
(นายแพทย์ธนิต เธียรธนู)
กรรมการ
4
Attachments