คำอธิบายและวิเคราะห์งบการเงิน ประจำปี 2549

Backมีนาคม 01, 2550

ที่ SET 50/05

1 มีนาคม 2550

เรื่อง คำอธิบายและการวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท ประจำปี 2549

เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

1. รายได้และค่าใช้จ่าย
ในไตรมาส 4 ปี 2549 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,942 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จาก 1,743 ล้าน บาทในไตรมาส 4 ปี 2548 เนื่องจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกิจการโรงพยาบาลโดยที่รายได้จากผู้ป่วย ในเพิ่มขึ้น 6% และรายได้จากผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น 15% สำหรับไตรมาส 4 ปี 2549 บริษัทฯ มีต้นทุนกิจการ โรงพยาบาล 1,201 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาส 4 ปี 2548 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าการเพิ่มขึ้น ของรายได้ เนื่องจากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ที่น้อยลงจากจำนวนคนไข้ที่ลดลง เล็กน้อยในไตรมาส 4 ปี 2549 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2548 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความไม่แน่นอน ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน 2549 ร่วมกับฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวตะวันออกกลาง ได้สิ้นสุดลงในช่วงต้นเดือนตุลาคม เป็นผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 36.5% ในไตรมาส 4 ปี 2549 เมื่อเทียบกับ 38.2% ในไตรมาส 4 ปี 2548 ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหาร เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าในอัตรา 25% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เป็น 286 ล้านบาท เนื่องจากโรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ที่เพิ่มขึ้น จากการที่อาคารโรงพยาบาลในปัจจุบันกำลังเข้าสู่ปีที่ 10 จึงต้องมีการบำรุงรักษามากขึ้นและ เงินเดือนและค่าจ้างที่สูงขึ้นในปี 2549 จากการจ่ายโบนัสในปลายปี เป็นผลให้อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) ลดลงเป็น 23.3% ในไตรมาส 4 ปี 2549 จาก 25.1% ในไตรมาส 4 ปี 2548

เมื่อเทียบผลการดำเนินงานกับไตรมาส 3 ปี 2549 รายได้รวมของบริษัทฯ ลดลง 9% เป็น 1,942 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2549 จาก 2,131 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2549 เนื่องจากไตรมาส 3 เป็นไตรมาสที่โรงพยาบาลมีธุรกรรมสูง จากการที่คนไข้ไทยกลับมาจากการพักผ่อนจากวันหยุดยาวในไตรมาสที่ 2 พร้อมทั้งไตรมาสที่ 3 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของคนไข้ชาวตะวันออกกลางส่วนต้นทุนกิจการโรงพยาบาลลดลง 5% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าการลดลงของรายได้ จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ที่น้อยลง เป็นผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 38.4% ในไตรมาส 3 ปี 2549 เป็น 36.5% ในไตรมาส 4 ปี 2549 ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 18% เป็น 286 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 3 ปี 2549 มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (one-time expense) คือ ค่าเผื่อการด้อยค่า 50% ของสิทธิในการลงทุน ในประเทศจีน ซึ่งเป็นเงินจำนวนประมาณ 20 ล้านบาท เป็นผลให้อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) ลดลงจาก 24.3% ในไตรมาส 3 ปี 2549 เป็น 23.3% ในไตรมาส 4 ปี 2549

สำหรับปี 2549 บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จาก 6,807 ล้านบาท ในปี 2548 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากผู้ป่วยใน 12% และรายได้จากผู้ป่วยนอก 20% ต้นทุนกิจการโรง พยาบาลสำหรับปี 2549 อยู่ที่ 4,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2548 เป็นไปตามการขยายตัวของกิจ การโรงพยาบาล ดังนั้น อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับคงที่ ที่ 37.6% ทั้งปี 2548 และ 2549 ส่วนค่าใช้จ่าย ในการบริหารเพิ่มขึ้น 18% เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของกิจการโรงพยาบาล เป็นผลให้อัตรากำไรก่อน หักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) คงที่ที่ 24.5% ทั้งปี 2548 และ 2549

2. ภาษีเงินได้นิติบุคคลและกำไรสุทธิ
ภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นมากเป็น 96 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2549 จาก 67 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2548 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ใช้ผลขาดทุนสะสมทางภาษีหมดในปี 2548 และเริ่ม จ่ายภาษีในอัตราเต็ม ที่ประมาณ 28% ในปี 2549 เป็นผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 15.7% ในไตรมาส 4 ปี 2548 เป็น 13.1% ในไตรมาส 4 ปี 2549 และกำไรสุทธิของบริษัทฯ ลดลงเล็กน้อย จาก 273 ล้าน บาทในไตรมาส 4 ปี 2548 เป็น 254 ล้านบาทไตรมาส 4 ปี 2549

เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2549 ภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทฯ ลดลงจาก 128 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2549 เป็น 96 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2549 คิดเป็นการจ่ายภาษีในอัตรา 28.5% และ 28.3% ตามลำดับ เป็นผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลงเป็น 13.1% ในไตรมาส 4 ปี 2549 จาก 14.5% ในไตรมาส 3 ปี 2549

สำหรับงวดปี 2549 บริษัทฯมีภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่ากับ 432 ล้านบาท (คิดเป็นอัตราภาษี 28.3%) เพิ่มขึ้น 98% จาก 218 ล้านบาท (คิดเป็นอัตราภาษี 17.1%) ในปี 2548 จากการที่บริษัทฯจ่าย ภาษีในอัตราเต็มในปี 2549 เป็นผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยจาก 15.5% ในปี 2548 เป็น 13.9% ในปี 2549 อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 5% จาก 1,053 ล้านบาท ในปี 2548 เป็น 1,096 ล้านบาท ในปี 2549

บริษัทฯ มีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 0.35 บาทต่อหุ้นในไตรมาส 4 ปี 2549 ลดลง 8% จาก 0.37 บาทต่อหุ้นในไตรมาส 4 ปี 2548 และลดลง 17% จาก 0.42 บาทต่อหุ้นในไตรมาส 3 ปี 2549 เช่นเดียวกัน กำไรต่อหุ้นแบบปรับลดอยู่ที่ 0.29 บาทต่อหุ้นในไตรมาส 4 ปี 2549 ลดลง 6% จาก 0.31 บาทต่อหุ้นในไตรมาส 4 ปี 2548 และลดลง 19% จาก 0.36 บาทต่อหุ้นในไตรมาส 3 ปี 2549 กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานสำหรับปี 2549 เท่ากับ 1.51 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 4% จาก 1.45 บาทต่อหุ้นในปี 2548 เช่นเดียวกัน กำไรต่อหุ้นแบบปรับลดเพิ่มขึ้น 4% จาก 1.21 บาทต่อหุ้นในปี 2548 เป็น 1.26 บาทต่อหุ้นในปี 2549

(หน่วย: ล้านบาท)
ไตรมาส4 2549
ไตรมาส 3 2549
Q-o-Q Growth
ไตรมาส4 2548
Y-o-Y Growth
2549
2548
Growth
รายได้รวม
1,942
2,131
-9%
1,743
11%
7,896
6,807
16%
กำไรขั้นต้น
689
784
-12%
663
4%
2,875
2,501
15%
อัตรากำไรขั้นต้น
36.5%
38.4%
38.2%
37.6%
37.6%
กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)
453
508
-11%
437
4%
1,928
1,657
16%
อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin)
23.3%
24.3%
25.1%
24.5%
24.4%
กำไรสุทธิ
254
309
-18%
273
-7%
1,096
1,053
5%
อัตรากำไรสุทธิ
13.1%
14.5%
15.7%
13.9%
15.5%
กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน
0.35
0.42
-17%
0.38
-8%
1.51
1.45
4%
กำไรต่อหุ้นแบบปรับลด
0.29
0.36
-19%
0.31
-6%
1.26
1.21
4%

3. งบดุล
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 6,623 ล้านบาท จาก 5,728 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เนื่องจากเงินสดที่เพิ่มขึ้น จาก 544 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 854 ล้านบาทในปี 2549 จากการเพิ่มทุนของบริษัทย่อย บริษัท บำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (BIL) จำนวน 453 ล้านบาท และลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นจาก 339 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 525 ล้านบาทในปี 2549 ตามรายได้จากกิจการโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้นและระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของ ลูกหนี้ชาวต่างชาติ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์จาก 3,270 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 3,752 ล้านบาทในปี 2549 จากการสร้างอาคารผู้ป่วยนอกและที่จอดรถใหม่ หักด้วยการลดลงของเงินฝาก ประจำกับสถาบันการเงินที่นำไปค้ำประกัน จาก 230 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 10 ล้านบาทในปี 2549 เนื่องจากได้มีการยกเลิกเงื่อนไขการดำรงบัญชีเพื่อจ่ายคืนเงินกู้

บริษัทฯ มีระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 22 วัน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จาก 18 วัน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 จากการที่บริษัทมีลูกค้าเป็นบริษัทประกันและบริษัทคู่สัญญาที่เป็นต่างชาติมาก ขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาในการดำเนินการและเก็บหนี้นานขึ้น ส่วนระยะเวลาขายสินค้าเฉลี่ยของบริษัทฯ อยู่คงที่ ที่ 12 วันสำหรับปี 2548 และ 2549

หนี้สินรวมของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เท่ากับ 2,994 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 3,032 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทฯ (รวมที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี) อยู่ในระดับคงที่ที่ 1,751 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เมื่อเทียบกับ 1,779 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เนื่องจากระหว่างปี 2549 บริษัทฯ ได้จ่ายคืนเงินกู้ตามกำหนดชำระ จำนวน 329 ล้าน บาท และได้เบิกเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่ม จำนวน 300 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ปี 2549 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิ ต่อทุน (Net debt to equity) ลดลงเป็น 0.24 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จาก 0.37 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 จากการเพิ่มขึ้นของเงินสดและส่วนของผู้ถือหุ้น อัตราความสามารถชำระดอกเบี้ย ของ บริษัทฯ ดีขึ้น เป็น 17.5 เท่าในปี 2549 จาก 15.6 เท่าในปี 2548 จากการเพิ่มขึ้นของกำไรก่อน หักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)

ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของบริษัทย่อย) เพิ่มขึ้นเป็น 3,284 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จาก 2,615 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เนื่อง จากส่วนเกินทุนจากการที่ BIL ขายหุ้นเพิ่มทุนให้พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (strategic partners) เกินมูลค่าที่ตราไว้ (153.52 บาทต่อหุ้น เทียบกับมูลค่าที่ตราไว้ 100 บาทต่อหุ้น) จำนวน 156 ล้านบาท และกำไรสุทธิปี 2549 จำนวน 1,096 ล้านบาท หักด้วยเงินปันผลจ่ายจำนวน 548 ล้านบาท ในเดือน กรกฎาคม ปี 2549 บริษัทฯ ได้สละลิทธิในการจองหุ้นเพิ่มทุนของ BIL จำนวน 5,764,701 หุ้น เพื่อให้พันธมิตรเชิงกลยุทธ์เข้าถือหุ้นดังกล่าว เป็นผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน BIL ลดลงเป็น 51% จาก 100% ดังนั้น ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของบริษัทย่อยจึงเพิ่มขึ้นมากจาก 81 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เป็น 344 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์เฉลี่ย (Average ROA) อยู่ที่ 18% ในปี 2549 และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (Average ROE) ยังคงสูงอยู่ที่ 35% สำหรับปี 2549

(หน่วย: ล้านบาท)
2549
2548
Growth
สินทรัพย์รวม 6,623 5,728 16%
หนี้สินรวม 2,994 3,032 -1%
ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของบริษัทย่อย) 3,284 2,615 35%
ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย (วัน) 22.0 17.6  
ระยะเวลาขายสินค้าเฉลี่ย (วัน) 11.9 11.0  
ระยะเวลาชำระหนี้เฉลี่ย (วัน) 39.1 39.0  
อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Debt to Equity) 0.24x 0.37x  
อัตราความสามารถชำระดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) 17.5x 15.6x  
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์เฉลี่ย (Average ROA) 17.7% 19.6%  
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (Average ROE) 34.7% 44.3%  

4. สภาพคล่อง
บริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 1,137 ล้านบาท ในปี 2549 ต่ำกว่าปี 2548 ที่ 1,513 ล้านบาท เนื่องจากการการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้การค้า การลดลงของภาษีเงินได้นิติบุคคล ค้างจ่าย จากการจ่ายภาษีของบริษัทฯ การลดลงของค่าใช้จ่ายค้างจ่าย จากการจ่ายหนี้ค่าใช้จ่ายต่างๆ และ การลดลงของเจ้าหนี้อื่นจากการที่บริษัทฯจ่ายค่าก่อสร้างตึกคนไข้นอกใหม่ กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลง ทุนลดลงเป็น 678 ล้านบาทในปี 2549 จาก 859 ล้านบาทในปี 2548 เนื่องจากในปี 2548 บริษัทฯ ได้ ใช้เงินจำนวน 323 ล้านบาทเพื่อลงทุนในบริษัท เอเชียน ฮอสพิทอล อิงค์ เพื่อขยายธุรกิจโรงพยาบาลไปยัง ประเทศฟิลิปปินส์ เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงินลดลงอย่างมาก เป็น 141 ล้านบาท ในปี 2549 จาก 857 ล้านบาทในปี 2548 เนื่องจากในปี 2549 BIL มีเงินสดรับจากการออกหุ้นสามัญจำนวน 453 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯมีเงินกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้น 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลให้บริษัทฯ มีเงินสดและราย การเทียบเท่าเงินสดปลายงวดเพิ่มขึ้นเป็น 854 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จาก 544 ล้านบาท วันที่ 31 ธันวาคม 2548

อัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 1.04 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เพิ่มขึ้นจาก 0.70 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เนื่องจากสถานะเงินสดที่ดีขึ้น เช่นเดียวกัน อัตราส่วนสภาพ คล่องหมุนเร็วอยู่ที่ 0.99 เท่าณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จาก 0.65 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548

(หน่วย: ล้านบาท)
2549
2548
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน
1,137
1,513
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน
-678
-859
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน
-141
-857
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น (ลดลง) สุทธิ
318
-203
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดปลายปี
854
544
อัตราส่วนสภาพคล่อง
1.04x
0.70x
อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว
0.99x
0.65x

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

 

ขอแสดงความนับถือ

 

(นายเคอร์ติส จอหน์ ชโรเดอร์)
กรรมการและผู้อำนวยการด้านบริหารกลุ่มภูมิภาค